วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความรักที่แม่ให้ มีค่าเท่าไหร่กัน?

ข้อมูลจาก Forward Mail
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า... บ้านหลังหนึ่ง … มีสองแม่ลูกอาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนพ่อนั้น ตายไปนานแล้ว แม่ต้องคอยหาเลี้ยงดูลูกน้อย จนเติบใหญ่ และส่งเสียได้เรียนหนังสือ จนจบการศึกษา

แต่… หลังจากลูกชายเรียนจบ มีงานทำดีๆ ก็ยังขอเงินแม่ใช้อยู่ พอแม่ถามว่า "เงินเดือนแต่ละเดือนไปไหนเหรอลูก เหลือเก็บบ้างไหม?"...

คำตอบที่ได้ฟังจากปากลูกชายคือ "เที่ยวหมดแล้วครับแม่ … เงินเดือนผมก็น้อย ค่าเลี้ยงสาวยังไม่พอเลย แม่จะเอาอะไรกับผมนักหนาเนี่ย! อย่ายุ่งกับผมได้ไหม?"

พอแม่ได้ฟังดังนั้น ก็เงียบ !!! และก็พูดว่า "ที่แม่พูดไม่ใช่แม่อยากได้ตังค์เจ้า … แต่แม่กลัวว่าเจ้าจะไม่รู้จักใช้เงิน เผื่อยามฉุกเฉิน จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน หรือ เผื่อลูกไม่มี ขาดเหลือ อะไรแม่จะได้ช่วยเหลือเจ้าได้ และ แม่ …" ยังไม่ทันที่แม่จะพูดจบลูกชาย ก็เดินจากไป…

อยู่มาวันหนึ่ง . . . ลูกชายก็เดินเข้าไปหาแม่ในครัว พร้อมยื่นกระดาษที่เขียนข้อความไว้จนเกือบเต็มหน้าให้คุณแม่ของเขาอ่าน ซึ่งมีใจความว่า...

ค่าตัดหญ้า 5.00 บาท

ค่าทำความสะอาดห้องผม อาทิตย์นี้ 1.00 บาท

ค่าซื้อของให้แม่ 2 .50 บาท

ค่าดูแลน้องชาย 2.50 บาท

ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1.00 บาท

ค่าได้คะแนนดี 5.00 บาท

ค่ากวาดสนาม 2.00 บาท

รวมค้างชำระ 19.00 บาทถ้วน

ปล.แม่จ่ายให้ผมด้วย (โห... ทำงานมีเงินเดือนกะเงินแค่นี้ยังขอแม่นะเนี่ย!!!! เฮ้อ...น่าเศร้าใจจริงๆ)

… เมื่อคุณแม่อ่านเสร็จแล้วก็หยิบปากกาขึ้นมา เธอพลิกกระดาษไปด้านหลังแล้วเขียนว่า...

เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง… ไม่คิดเงิน

เวลาที่แม่พยาบาลลูก และสวดมนต์ให้ลูก … ไม่คิดเงิน

ค่าที่ลูกทำให้แม่ต้องเสียน้ำตา... ไม่คิดเงิน

ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาเที่ยว... ไม่คิดเงิน

แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้… ไม่คิดเงินหรอกจ้ะลูก

เมื่อรวมทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก…ไม่คิดเงินเหมือนกั

และเมื่อลูกชายได้อ่านสิ่งที่คุณแม่เขียนไว้ ก็อึ้ง !. . . น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา เขาสบตากับแม่แล้วจึงพูดว่า... " แม่ครับผมรักแม่จริงๆ นะครับ" แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนหนังสือตัวโตว่า... …จ่ายหมดแล้ว... แม่จ่ายหมดแล้ว... แต่... แต่ว่า... ลูกยังทอนให้ไม่หมดครับแม่... !!

(แง๊ อ่านแล้วซึ้งอ่ะ น้ำตาแทบไหล)

เรียงความเรื่อง แม่

ข้อมูลจาก Forward Mail
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

แม่ เป็นภาระให้แก่ลูกทุกคนมาตั้งแต่เกิด นั่นเป็นความจริงที่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ ก็ลองคิดดูสิ ตั้งแต่เราเกิดมา ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลย อยู่ดีๆ ผู้หญิงคนนี้ก็มาโอบอุ้ม ถูกเนื้อต้องตัวเรา มิวายที่เราจะแหกปากร้องไห้ขับไล่ไสส่งยายผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน เธอก็ยังพยายามปลอบโยน เห่กล่อมเราอยู่นั่นแหละ เป็นภาระให้เราต้องจำใจเงียบ ยอมนอนดูดนมเธออยู่จั่บๆๆ

พอเราเริ่มเตาะแตะ ตั้งไข่จะเดินไปไหนต่อไหนมั่ง คุณเธอก็ยังคอยเรียกหาเราอยู่นั่นแหละ

"มานี่มาลูก มานี่มา อีกนิดเดียวลูก อีกนิดเดียว อีกก้าวเดียว "ไม่รู้จะเรียกทำไมนักหนา ไอ้เราก็เดินล้มลุกคลุกคลานอยู่ เห็นมั้ย เป็นภาระที่เราต้องเดินไปให้เธอกอดอีก

โต ขึ้นมาอีกนิด เราเริ่มกินอาหารได้ หล่อนก็เอาอะไรนักหนาไม่รู้ เละๆ เทะๆ มาบดให้เรากิน ไอ้เราจะไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะน้อยใจ ก็เอาวะ เอาซะหน่อย เคี้ยวไปเเจ่บๆ อย่างนั้นแหละ แม่คุณก็ยิ้มปลื้ม คงนึกว่าเราอร่อยตายล่ะมั้งนั่นน่ะ กล้วยบดนะจ๊ะ เธอจ๋า ในปากฉันตอนนี้น่ะ ถ้าคิดว่ามันอร่อยขนาดนั้น ทำไมไม่ลองทานเองดูมั่งล่ะ

ที นี้พอเราเริ่มพูดจารู้เรื่องขึ้นมาหน่อย คราวนี้ยังไงล่ะ ผู้หญิงคนนี้กลับขับไล่ไสส่งให้เราไปโรงเรียนซะอีก ไม่ไปก็ไม่ได้ด้วยนะ บางทีมีตีเราเข้าให้อีก ภาษาอะไรนักก็ไม่รู้ เอามาให้เราหัดอ่านหัดเรียนใช่มั้ย ลองคิดดูนะ สัปดาห์หนึ่งต้องไปโรงเรียนตั้งห้าวันน่ะ มันภาระหนักหนาแก่เราแค่ไหน

แต่ พอถึงเวลาเราจะดูทีวี ดูหนังการ์ตูน นอนดึกขึ้นมาสักหน่อย ลองนึกย้อนไปสิ ใครกันเคี่ยวเข็ญให้เราไปนอนด้วย ตัวเองง่วงจะนอนคนเดียวก็ไม่ได้นะ ต้องบังคับให้เราไปนอนเป็นเพื่อนด้วย ใช่มั้ย ที่พูดนี่ไม่ใช่ลำเลิกหรอกนะ เพียงแค่อยากให้เห็นใจกันบ้างเท่านั้น

วัน เวลาผ่านไป เราโตขึ้น แต่แม่ก็ยังไม่ยอมโตตามเราสักที ลูกอยากจะทำผมทำเผ้า แต่งเนื้อเเต่งตัวให้มันดูอินเทรนด์ ดูทันสมัย ใคร ใครกันเป็นตัวสกัดดาวรุ่ง พูดแล้วขนลุก ผู้หญิงคนนี้มีพัฒนาการไม่คืบหน้าไปไหนเลย ว่ามั้ย

โตขึ้นมาอีกนิด เราเริ่มกินอาหารได้ หล่อนก็เอาอะไรนักหนาไม่รู้ เละๆ เทะๆ มาบดให้เรากิน ไอ้เราจะไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะน้อยใจ ก็เอาวะ เอาซะหน่อย เคี้ยวไปเเจ่บๆ อย่างนั้นแหละ แม่คุณก็ยิ้มปลื้ม คงนึกว่าเราอร่อยตายล่ะมั้งนั่นน่ะ กล้วยบดนะจ๊ะ เธอจ๋า ในปากฉันตอนนี้น่ะ ถ้าคิดว่ามันอร่อยขนาดนั้น ทำไมไม่ลองทานเองดูมั่งล่ะ แต่พอถึงเวลาเราจะดูทีวี ดูหนังการ์ตูน นอนดึกขึ้นมาสักหน่อย ลองนึกย้อนไปสิ ใครกันเคี่ยวเข็ญให้เราไปนอนด้วย ตัวเองง่วงจะนอนคนเดียวก็ไม่ได้นะ ต้องบังคับให้เราไปนอนเป็นเพื่อนด้วย ใช่มั้ย ที่พูดนี่ไม่ใช่ลำเลิกหรอกนะ เพียงแค่อยากให้เห็นใจกันบ้างเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เราโตขึ้น แต่แม่ก็ยังไม่ยอมโตตามเราสักที ลูกอยากจะทำผมทำเผ้า แต่งเนื้อเเต่งตัวให้มันดูอินเทรนด์ ดูทันสมัย ใคร ใครกันเป็นตัวสกัดดาวรุ่ง พูดแล้วขนลุก ผู้หญิงคนนี้มีพัฒนาการไม่คืบหน้าไปไหนเลย ว่ามั้ย




พอ เราสำเร็จจบการศึกษาเเล้วเป็นยังไง... เธอร้องไห้ครับ เชื่อเถอะว่าเธอต้องร้องไห้ ถ้าเราไม่เห็นก็แปลว่าเธอต้องแอบร้องไห้ มีอย่างที่ไหน เราคร่ำเคร่งร่ำเรียนมาแทบตาย แล้วตัวเองแท้ๆ ที่เป็นคนเริ่มเรื่อง พอเราเรียบจบแทนที่จะดีใจดันมาร้องไห้ มีอย่างที่ไหน

ดีนะว่าเราเข้าใจ คู่มือการเลี้ยงแม่ ก็เลยทำใจได้ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ขอไปฉลองการสำเร็จการศึกษากับพวกเพื่อนๆ ที่นอกบ้านก่อน ก็แหม เรียนจบทั้งที จะมาให้นั่งดูผู้หญิงแก่ๆ นั่งร้องไห้ทำไมล่ะ ใช่มั้ย

เป็น หนุ่มเป็นสาวกันแล้วนี่ คราวนี้ใครๆ ก็ต้องอยากมีแฟน คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็เรื่องมาก ผมยาวไปมั่งล่ะ ดูไม่มีความรับผิดชอบมั่งล่ะ...แม่ แม่จะไปรู้อะไร แม่เคยคบกับเขาเหรอ

ไม่ใช่แค่เรื่องคู่ครองเท่านั้นนะ แม่เขายังอยากรู้ไปจนถึงเรื่องอาชีพการงานด้วยว่าเราจะไปทำอะไร อยากเป็นอะไร

แม่ ครับ แม่ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ยพวกเราจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของพวกเรา อนาคตของเรา ขอให้เราได้ตัดสินมันเอง แต่เรารับรองกับแม่ได้อย่างหนึ่งว่า เราจะไม่เป็นเหมือนแม่หรอก... เชย

นับ จากบรรทัดแรก จนมาถึงบรรทัดนี้ เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว สมควรที่พวกเราจะแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเองสักที ว่าแล้วเราก็ย้ายออกจากบ้านแม่ มายืนด้วยลำแข้งของตัวเอง อย่างที่แม่เคยพูดไง แล้วทำไมต้องมาทำตาละห้อยด้วยล่ะ วันที่เราย้ายออกมาน่ะ มันก็ไม่ได้ใกล้ มันก็ไม่ได้ไกลหรอกนะ ไอ้ที่ย้ายออกมาน่ะ แต่เวลามันรัดตัวจริงๆ ใช้โทร.คุยกันก็ได้นะแม่นะ

ถึง วันที่เรามีลูก แม่ยังพยายามอยากมาทำตัวเป็นภาระกับลูกเราด้วย เราบอกแม่ว่าไม่ต้องมายุ่งหรอก เราดูแลลูกของเราได้ เด็กสมัยนี้มันไม่เหมือนกับสมัยแม่แล้วล่ะ

แม่ อายุเกือบหกสิบปีแล้ว โทร.มาไอแค่กๆ บอกไม่ค่อยสบาย เราบอกแม่ว่าอย่าคิดมาก ในใจเรารู้อยู่แล้วว่าแม่พยายามเรียกร้องความสนใจ นั่นเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติของคุณแม่วัยนี้

จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง คุณโทร.กลับไปที่บ้านแม่ แต่... ไม่มีคนรับสายแล้ว อย่าเพิ่งตกใจ แม่อาจจะออกไปทำบุญที่วัดตามประสาคนแก่ก็ได้ ลองโทร.เข้ามือถือแม่ดูซิ...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...

อย่า เพิ่งด่วนสรุป มือถือแม่อาจจะแบตหมดก็ได้ ผู้หญิงคนนี้กระดูกเหล็กจะตายไป เธอต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ คิดฟุ้งซ่านไปได้ ยังไงแม่ก็ต้องรอเราอยู่เหมือนเดิมน่ะแหละ ไปหาเมื่อไหร่ก็ต้องเจอ อย่างมากแกก็อาจจะงอนนิดๆ หน่อยๆ พอเห็นหลานตัวเล็กๆ วิ่งเข้าไปกอดก็ขี้คร้านจะอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้ง หลายวันผ่านไป ทำไมแม่ยังไม่โทร.กลับมาอีกนะ ทำบุญตักบาตรก็ไม่น่าจะรอคิวนานขนาดนี้ ชาร์จแบตมือถือไม่เต็มก็เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นแบตเตอรี่รถสิบล้อป่านนี้ไฟทะลักแล้ว

วันนี้แวะไปหาแม่สักหน่อยดีกว่า ระหว่างทางที่คุณขับรถไป ลูกคุณซนเป็นลิงอยู่ข้างๆ ประโยคมากมายที่หลุดจากปากคุณ ล้วนเเต่เป็นคำที่แม่คุณเคยพูดมาแล้วทั้งสิ้น คุณเพิ่งสัมผัสได้ ภาพเก่าๆ มากมายที่ผู้หญิงคนนั้นทำวิ่งวนอยู่ในหัวคุณ ช่างเถอะ.. เดี๋ยวเจอเธอแล้ว คุณจะสารภาพผิด แล้วทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น แล้วคุณก็ได้เจอ คนที่คุณรู้สึกว่าเธอเป็นภาระให้กับคุณมาตั้งแต่เกิด

ผู้หญิงคนนั้น นอนตายในท่าที่คอยคุณมาตลอดชีวิต...

11 วิธีเอาใจแม่ (ให้ชื่นใจ)



1.พาแม่ไปตรวจสุขภาพ

คนเราเมื่อเริ่มสูงวัยพอสักอายุ 50 กว่าปีขึ้นไปแน่นอนว่าสุขภาพร่างกายจะเริ่มเสื่อม เหมือนรถที่ผ่านการใช้งานมาสัก 5-6 ปี ก็ต้องมีการซ่อมบำรุง ร่างกายก็เหมือนกัน ดังนั้นการได้ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี จะพอให้เราทราบได้ว่าคุณแม่เป็นโรคอะไรอยู่ มากน้อยแค่ไหน จะดูแลสุขภาพต่อไปอย่างไร การพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพประจำปีนอกจากจะทำให้คุณแม่ชื่นใจแล้ว ยังส่งผลดีกับสุขภาพกายอีกด้วย

2.พาแม่ไปทำสปา

การทำสปาถือว่าเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้ธุรกิจสปามีมากมายหลากหลาย ทั้งสปาเพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งนวดหน้า นวดศีรษะ นวดตัว นวดเท้า ทั้งแบบนวดไทยหรือนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยแบบฝรั่ง การทำสปาถือเป็นการปรนนิบัติร่างกายอย่างดีเยี่ยมเพราะการทำสปามีครบทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ช่วยให้ผ่อนคลายหายเครียด ถือเป็นการตอบแทนร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งปีได้เป็นอย่างดี การพาคุณแม่ไปทำสปาจึงนับได้ว่าเป็นอีกรูปแบบของการให้ความสุขกับคุณแม่

3.พาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ

การเดินทางถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ได้เป็นอย่างดี แต่ผู้ใหญ่มักจะเสียดายเงินไม่จ่ายค่าตั๋วแพงๆ ไปเที่ยวต่างประเทศ การ ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่แตกต่างออกไป บรรยากาศหนาว อาหาร ผู้คน ที่ต่างไปจากเดิมจะสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดีรวม ถึงการพาไปดูสถาปัตยกรรมและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เป็นที่ รู้จัก นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีซึ่งถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่คุณแม่จะได้รับ

4.พาแม่ไปดูโชว์ดีๆ

ปัจจุบันนี้มีการแสดงดีๆ ที่เป็นของคนไทยอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นการแสดงหุ่นละครเล็กของคณะโจหลุยส์ การแสดงของสยามนิรมิต การแสดงของโรงละครอลังการที่พัทยา หรือการแสดงของภูเก็ตแฟนตาซี หรือละครเพลงต่างๆ ที่เรียกได้ว่าคุณภาพดีทั้งแสง สี เสียง หรือจะเป็นการแสดงจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นนักร้องดังในยุคคุณพ่อคุณแม่ยัง หนุ่มสาว การแสดงกายกรรมต่างๆ เช่น กายกรรม กวางเจา การแสดงบัลเลต์ ซึ่งการแสดงในลักษณะนี้จะมีเพียงปีละครั้งหรือ 2-3 ปีครั้งถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่ได้มอบให้คุณแม่ ถือว่าเป็นการพาคุณแม่ไปย้อนอดีตอันน่าชื่นใจ

5.ซื้อหนังสือดีๆ ให้แม่

ขณะนี้ตลาดหนังสือของประเทศไทยเรา มีการพัฒนาไปมากทั้งรูปเล่มและเนื้อหา มีหนังสือรูปเล่มสวยๆ เนื้อหาดีๆ ทั้งเรื่องแปล เรื่องแต่งเอง แม้กระทั่งหนังสือภาพดีๆ ที่มีอยู่หรือหนังสือชุดที่มารวมเล่มใหม่ที่ทำรูปเล่มคลาสสิกน่าเก็บไว้สะสม เช่น ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ดี เพชรพระอุมา หรือหนังสือพระหรือสถานที่สำคัญต่างๆ ที่พิมพ์สี่สีน่าสะสมอีกมากมายหนังสือต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างความสุขใจให้คุณแม่ได้ไม่น้อยทีเดียว

6.เปลี่ยนฟันชุดใหม่ให้แม่ได้รับประทานของอร่อยอย่างไร้อุปสรรค

หากคุณแม่อยู่ในวัยเกิน 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในวันที่ต้องใส่ฟันปลอม หรือถ้าอาวุโสกว่านั้นก็อาจจะต้องเปลี่ยนฟันปลอมเป็นชุดที่ 2 หากคุณพ่อคุณแม่มีปัญหาเรื่องปากและฟันก็มักจะมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร หรือรับประทานอาหารได้ไม่อร่อย หรือถ้าเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก็จะมีปัญหาในเรื่องระบบการย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อได้โดยง่ายมีปัญหาอื่นๆ

ตามมาอีก การได้เปลี่ยนฟันชุดใหม่จะช่วยให้ชีวิตท่านดีขึ้น แต่โดยธรรมชาติของพ่อแม่มักจะขี้เหนียวเสียดายเงินไม่ยอมเปลี่ยนอะไรง่ายๆ หากสิ่งของนั้นยังพอใช้งานได้ การแสดงออกซึ่งความรักหวังดีต่อพ่อแม่ด้วยวิธีนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ไม่น้อยถือว่าคุณลูกใส่ใจในรายละเอียดในชีวิตของท่าน

7.ซื้อคอร์สออกกำลังกายให้แม่

เป็นธรรมดาของมนุษย์เมื่อเริ่มอายุมากก็มักจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเพิ่มขึ้นว่า กันว่าโดยธรรมชาติของคนนั้นน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างน้อยปีละ 2 กิโลกรัม เมื่อน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือที่เรียกว่าอ้วนก็จะทำให้มีปัญหาต่างๆ ตามมาเช่น ปวดขา ปวดเข่า ไขข้อไม่ดี เหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก การออกกำลังกายจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพของพ่อแม่

8.ซื้อเครื่องประดับให้แม่

ผู้หญิงกับเครื่องประดับเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน อายุเท่าใด ถือว่ายังต้องใช้กันอยู่เสมอ หากคุณแม่ยังอยู่ในวัยทำงาน การซื้อเครื่องประดับเก๋ๆ คุณภาพดี เพื่อให้คุณแม่ใช้ใส่ไปทำงานก็เป็นเรื่องที่ดี หากคุณแม่เป็นแม่บ้าน หรือเกษียณแล้วนานๆ ออกงานทีการซื้อเครื่องประดับเป็นอัญมณีมีค่าหรือจะเป็นทองรูปพรรณก็ได้เช่นกัน

เลือกในแบบที่เหมาะสมกับบุคลิกและการใช้งานของคุณแม่ หากไม่ชอบของสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายทั่วไป ร้านจิวเวลรีหลายร้านก็รับทำและออกแบบให้ด้วย โดยอาจจะเลือกอัญมณีสีที่เข้ากับวันเกิดหรือเดือนเกิดของคุณแม่ก็ได้ ภายใต้งบประมาณที่คุณสามารถกำหนดได้และ ในอนาคตสมบัติเหล่านั้นก็จะต้องตกมาเป็นของลูกของหลานอยู่ดีไม่ได้สูญหายไป ไหน ยิ่งนานวันอัญมณีเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มคุณค่าทั้งราคาและคุณค่าต่อจิตใจ

9.ซื้ออาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพให้

สุขภาพเป็นเรื่องจำเป็นบางครั้งการรับประทานอาหารก็ไม่สามารถกินได้ครบ 5 หมู่ได้ในวัยผู้ใหญ่ที่ต้องการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอมากกว่าคนวัยหนุ่มสาว การได้รับอาหารเสริมอาจเป็นเรื่องที่สำคัญ เดี๋ยวนี้อาหารเสริมมีมากมายที่จะให้เลือกได้ตามความเหมาะสมกับสุขภาพ เช่น น้ำมันจากกระดูกปลาวาฬช่วยบำรุงผิวพรรณเพราะผู้สูงวัยมักจะผิวแห้งมาก วิตามินบีรวมต่างๆ หรือวิตามินบำรุงสมองเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม ซึ่งวิตามินบางตัวจะช่วยชะลอระยะเวลาในการเกิดให้ช้าลง เรียกว่ามีมากมายหลากหลายประเภทให้คุณเลือกได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

10.ตัดแว่นตาใหม่ให้แม่

สำหรับ ผู้ที่วัยเกิน 40 ปีขึ้นไปเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา บางคนตายาว บางคนทั้งสั้นทั้งยาว แถมเอียงเข้าไปด้วย เรียกว่าปัญหาหลายด้าน การให้ความใสกระจ่างกับสายตาของแม่ ให้แม่ได้อ่านหนังสืออย่างชัดเจนมีความสุข มองดูหน้าลูกหลานด้วยความใสชัด จะทำให้คุณแม่ชื่นใจ เดี๋ยวนี้กรอบแว่นราคาแพง ผู้ใหญ่จะใช้จนเก่าก็จะยังไม่ยอมเปลี่ยนใหม่การหาแว่นกรอบสวยๆ เก๋อันใหม่ให้คุณแม่ ก็น่ารักดีไม่น้อย เวลาท่านเดินเหินไปไหนจะได้สะดวกถ้าสายตาฝ้าฟางไม่ชัดเจนประเดี๋ยวจะพลาดพลั้งหกล้มได้โดยง่าย

11.ลดละเลิกนิสัยแย่ๆ ที่แม่ไม่ชอบ

ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก แน่นอนว่าลูกเกือบทุกคนมักจะมีนิสัยไม่ดีสักข้อสองข้อที่แม่จะพยายามพร่ำสอน ตั้งแต่เด็กที่เป็นนิสัยเสียๆ ของเรา เช่น ขี้เกียจ ชอบเถียงแม่ ใช้เงินเปลือง สูบบุหรี่ กินเหล้า เจ้าชู้จัด แล้วเราจะรู้ดีว่านิสัยแบบนี้แม่ไม่ชอบ ลองให้ของขวัญวันแม่ปีนี้ด้วยการจะเลิกบุหรี่ เลิกเหล้าเลิกใช้เงินเปลือง หยุดโต้เถียงกับแม่สักที นิสัยเหล่านี้ถ้าเราทำให้แม่ได้รับรองได้ว่าแม่จะชื่นใจสุดชีวิตทีเดียว

ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วลองเลือกทำให้แม่สักข้อสองข้อจะดีไม่น้อย แม่ให้เรามาเยอะแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นเราเป็นผู้ให้แม่บ้างดีไหมค่ะ แม่จะได้ชื่นใจ ถึงวันนี้คนรุ่นแม่ก็อยู่ในวัย 50-60 กว่าปีกันแล้วทั้งนั้น เวลาของท่านเหลือน้อยแล้วเรียกว่าเริ่มนับถอยหลังแล้ว อะไรทำให้แม่ได้ก็รีบๆ ทำเสียเถอะ ชีวิตนี้ก็มีแม่แค่คนเดียว อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง มีแม่ให้รักให้กอดก็ดีแล้ว

ต่อไปถ้าอยากบอกรักแม่ แต่แม่ไม่ได้อยู่ให้บอกแล้วจะเสียดายเวลานะคะต้องไปบอกแม่ต่อหน้ารูปของท่าน คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ที่สำคัญความกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่ค้ำชูชีวิตของลูกให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ อย่าลืมบอกรักแม่กันบ้างนะคะ


ข้อมูลจาก

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

อีืกหน่อยเราก็ตายจากกัน......แล้วนะ - ข้อคิดดี ๆ จากน้าเน๊ก เกตุเสพย์สวัสดิ์




คนเราอายุเฉลี่ย 60 ปี
1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม......... ไม่เลว 3,120 สัปดาห์
อุแม่เจ้า........แสดงว่า
เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง
คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา
แทบเบือนหน้าหนีจากปฏิทิน
เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับถอยหลังเพื่อรอวันลาโลก...
เปล่าเลยผมไม่ได้กลัวตาย
และขอโทษที่หากเรื่องอาจไม่ค่อยขำ
แต่ตลอดเวลาที่ใช้เวลาอยู่บนโลกนี้มันน้อยมากหากคำนวนในเชิงตัวเลข
ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน
เพลงอีกหลายเพลงยังไม่ได้ฟัง
หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดู
ความรู้สึกในใจอีกมากมายที่ยังไม่เคยบอก
พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป โอ๊ย..... กลุ้ม
สองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามัน
น้อยเกินไปจริง ๆ และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้นคือ
ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี
แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน
นั่นแสดงว่าบางคนไม่ได้มีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วันหรอกนะ
อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ!
อุแม่เจ้าเทค 2
คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึง
สามพันวันแล้วเหรอเนี่ย!!!!
คิดแบบนี้ต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู
กางปฏิทินออกกว้าง ๆ
เพราะมันคือเวลาที่เราเหลือ.... บนโลกนี้
นี่ชั้นกำลังทำบ้าบออะไรอยู่.....ไม่เลยน้องสาว
นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งสิ้น หากเป็นความจริงที่
เราไม่ค่อยได้มองมัน
เอาล่ะ งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 17 ปี
แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,205 วัน
และผ่านคืนวันเสาร์มาร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น ......
คำนวณเองบ้างซิว้อยย.....
เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลา ( ที่คาดว่าจะ) เหลืออยู่
ผลลัพธ์ที่ได้
เราจะทำยังไงกับมันดี .....
แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ
นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวัน ๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า ' เงินเดือน '
บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้ง ๆ
ที่ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ
ไม่ก็เห็นแค่ว่าเพื่อนเรียน
เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่า กูจะเป็นอะไรดี
บางคนแอบรักเขา ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความ
รู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ มึงแน่ กูแน่ งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....ไอ้บ้า

และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม ' ฆ่าเวลา ' ชีวิตมันว่างจัด
ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย
บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล
เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากัน ...... แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง
ใช่แล้ว .... เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่าง ก่อนที่จะตาย ... ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้
และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ...
มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า
เอาแบบตายวันตายพรุ่งก็จะได้นอนตายตาหลับ
ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า....พรุ่งนี้ฉันจะตายแล้ว
ทำงานในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามความฝันของเราไปสุดโต่ง ...ต้องรีบแล้ว เดี๋ยวตายนะ...เตือนแล้วไง
รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี
ส่วนจะรักหรือไม่รักกู ไม่สนว้อย ... เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ ) ตายแล้ว
ใช้เวลา ( ที่อาจจะ) สุดท้ายที่มีต่อกันไว้
กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะอย่างน้อย ๆ เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอนให้สัมภาษณ์ยมบาล


....... คนข้างบ้านเดินแป้นแล้นมาบอกข่าวดี ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน
ในมือมีซองสีชมพูพร้อมการ์ด
ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น
แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง
เมื่อกี๊ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทรมาปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน.........
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย ......
แต่กว่าคนเป็นแม่จะรู้ข่าวร้าย ก็ปาไป 5 วัน
ซองในมือผม กลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้ กลายเป็นพวงหรีด
และทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่อยากจะบอก
ว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน .... แล้วนะ
อ้าว.... รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก
รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ
เดี๋ยวตายซะก่อน .... เสียดายแย่
โดย น้าเน๊ก ...... เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา

จาก : FW Mail

ส่วนลึกของหัวใจฉัน ยังมีเธออยู่กับฉัน ทุกช่วงเวลา


http://2.3qdc.com/sakid/2009/07/10/sakid_love_0.out.jpg

ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา
ไม่ว่าทุกข์ สุข หรือเหงา เธอยังอยู่กับฉันเสมอ
ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่ “ความรู้สึกที่ฉันมี”
แต่ฉันก็ยังภูมิใจที่ฉันยังสามารถเก็บความรู้สึก ๆ ดี ๆ
ที่เธอเคยให้ไว้กับฉัน ฉันยังจำวันแห่งความสุขของเราได้
ถึงแม้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ แต่ฉันจะขอจดจำมันไปตลอด
ถึงแม้ว่าคนข้าง ๆ ฉันตอนนี้มันไม่ใช่เธอ…
แต่ฉันก็จะยังคงขอเก็บเธอไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉัน
ฉันอาจจะเคยเสียใจ ร้องไห้ ทรมาน เหงา…
เวลาที่เธอจากไป….
แต่ฉันจะลบสิ่งเหล่านั้นออกไป..
ฉันจะเก็บ “ความสุข” ไว้กับฉันตลอดไป
เรามีสิทธิ์เลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ และเลือกที่จะลบ
ความทรงจำที่ไม่ดีออกไปได้
และฉันจะเก็บสิ่งดี ๆ ให้อยู่กับฉันไปตราบนาน

แม้ว่าวันนี้ หรือวันต่อไป ไม่มีเขาอยู่ข้างกายแล้ว อย่างน้อย ก็ขอให้จดจำวัน-ช่วงเวลาดีๆ เอาไว้นะคะ ^-^


ขอบคุณข้อมูลจาก sakid.com

ความรักและก้าวแรก




เราชอบเขา เพราะเขาเป็นเขาหรือเพราะปัจจัยภายนอกอย่างอื่น
เรายังคงความเป็นตัวเองได้หรือไม่ขณะที่เรามีเขาเข้ามาผูกพันด้วย
เขาคือคนที่เราไว้ใจและเชื่อมั่นได้มากน้อยแค่ไหน
และที่สำคัญ เรารู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเขา มากกว่าการอยู่คนเดียวหรืเปล่า
..ถ้าหากคำตอบที่ได้หลายๆ ข้อนี้ออกมาเป็นบวกเสียส่วนใหญ่
เราก็ไม่น่าจะต้องรีรอที่จะยอมตกหลุมรักใครสักครั้ง

..เพราะชีวิตของคนเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่
การได้พบเจอคนที่ถูกใจ บางทีมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก
แต่สิ่งที่สำคัญ คือ เมื่อได้รักแล้วเราต้องรักแบบเข้าใจในความรักด้วย
อย่าเพิ่งรีบคาดหวังว่าจะต้องเป็นรักแท้ที่ยั่งยืน
ปล่อยให้ความรักค่อยเติบโต ให้มิตรภาพที่มีค่อยๆ งอกงามไปตามธรรมชาติ
พร้อมๆกับการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป

..ในโลกของความรัก เดี๋ยวนี้มันไม่ได้มีคำตอบแค่
"รัก" กับ "ไม่รัก" เท่านั้น มันยังมีคำว่า ความเหมาะสม
การยอมรับ ครอบครัว หน้าที่การงาน และอะไรอื่นๆ อีกเยอะแยะ

เพราะฉะนั้นเมื่อเราอยากจะรักใคร เรารักได้
แต่อย่าคาดหวังว่าจะได้ "รัก" กลับคืนมาในรูปแบบที่เราต้องการ
เมื่อเรารักเป็น เราก็จะสามารถยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร แม้ความรักอาจะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
แต่มันก็มีค่า ต่อการมีชีวิตอยู่
...เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำอะไรได้มากมาย...



ส่วนคนที่ผิดหวังกับความรักมา
คุณอาจมีอดีตที่เลวร้าย แม้คุณจะสามารถเก็บมันไปคิดทบทวน
เพื่อเป็นบทเรียนที่ดีได้ แต่ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะจมกับมันตลอดไป

ลองเปิดใจที่จะเรียนรู้กับความรักอีกสักครั้ง
บางทีคุณจะพบว่า ความสุขจากการได้รักนั้น
ไม่ได้เกิดจากคนอื่นเลย
แต่มันเป็นความสุขที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง
จากหัวใจเราเอง และเมื่อรักเป็นของเรา
ไม่ว่าคนที่เรารู้สึกรักนั้นจะจากไปไหน
เราก็ไม่จำเป็นต้องฟูมฟาย กับการจากไปของเขา
เพราะถึงอย่างไร รักที่คุณมีนั้นมันก็ยังอยู่กับตัวคุณเสมอ



ของคุณข้อมูลจาก http://www.tamdee.net/

ความรัก... กับการอ่านหนังสือ




ให้ความรักเป็นหนังสือ

เค้าว่ากันว่า... อ่านหนังสือสักเล่ม ต้องใช้เวลา

เช่นเดียวกัน ... เราคงไม่รู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก

เค้าว่ากันว่า ... อย่าตัดสินหนังสือดีดี แค่ปกมันสวย

เช่นเดียวกัน ... คนหน้าตาดีอาจไม่ดีเสมอไป

เค้าว่ากันว่า ... คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ชอบไม่ได้

เช่นเดียวกัน ... คนที่เราไม่คิดอยากจะรู้จัก อาจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตเราก็ได้



เค้าว่ากันว่า ... การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้นดีทุกหน้า

เช่นเดียวกัน ... การรู้สึกดีกับใครสักคน ไม่จำเป็นว่าเค้าจะต้องไม่มีข้อเสียอารายเลย

เค้าว่ากันว่า ... อย่ารู้สึกเสียดายเวลากับการอ่านหนังสือบางเล่มจนจบแล้วพบว่าเป็นหนังสือที่ไม่ชอบ

เช่นเดียวกัน ... จงรู้สึกดี กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่ แม้ว่าวันหนึ่งจะรู้ว่า

เขาคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด เพราะอย่างน้อย ต่อจากนี้ไป เราจะได้เลือกคนที่ถูกและใช่ สักที