| |
ผู้ชายร้องไห้ " ถ้าไม่นับเด็กผู้ชาย วัยกระเตาะ .. คุณเคยเห็นผู้ชายร้องไห้สักกี่ครั้งในชีวิต..? " คงเห็นกันได้ไม่บ่อยครั้งนัก… สังคมเป็นตัวบ่งชี้ให้ผู้ชายถูกเลี้ยงดูให้โตมาพร้อมกับความเข้มแข็ง ไม่ว่าจะมาจากภายในหรือแค่ภายนอกก็ตาม “ ลูกผู้ชาย เค้าไม่ร้องไห้กัน “ เรามักจะได้ยินมันเสมอๆ ทั้งที่ผู้ชายเองก็รู้สึกได้เท่าๆ กับผู้หญิง .. แต่เวลาผู้หญิงร้องไห้ กับ ผู้ชายร้องไห้ มันให้ความรู้สึกที่แย่ต่างกัน ... แต่ถ้ามีคนถามว่า ผู้ชายที่ร้องไห้เนี่ยมันดูอ่อนแอ มากไหม…. คงตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า … “ผู้ชายที่ร้องไห้ และ ยอมรับตัวเองว่าร้องไห้ เป็นผู้ชายที่น่านับถือ ที่สุด เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้หลอกลวงความรู้สึกของตัวเอง …” แล้วสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายเนี่ย มันมีเหตุผลจากอะไรบ้าง ??????? วันนี้ ฉันทำให้ผู้ชายคนนึงยืนร้องไห้ อยู่ตรงหน้า ทั้งที่ชีวิตทั้งชิวิตไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้เห็นน้ำตาจากผู้ชายคนนี้ .. ไม่ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะสาหัสสากรรณ์ขนาดไหน “ฮีโร่ในดวงใจ” ผู้ชายที่มีความอดทน และ เข้มแข็งที่สุด ในสายตาฉัน… ผู้ชายที่สอนให้ฉันอดทน เข้มแข็ง และไม่ยอมแพ้ก็อะไรง่ายๆ สอนให้ฉันรู้จักดูแลตัวเอง และเอาชนะสายตาดูถูกของใครต่อใคร …. ผู้ชายที่ไม่เคยมีแววตาอ่อนโยน หรือคำปลอบประโลมใดๆ ในยามที่ฉันรู้สึกท้อแท้จนไม่อยากจะทำอะไร แต่ผู้ชายคนนี้มักมีคำพูดที่ทำให้ฉันได้คิด และลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวของตัวเองเสมอ… ผู้ชายกระด้างไร้หัวจิตหัวใจ ในสายตาฉันเมื่อวันก่อน… วันนี้ฉันทำให้เค้ายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อายใคร… ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงรู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็น.. แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกเสียใจที่เป็นต้นเหตุให้ผู้ชายคนนี้ต้องร้องไห้… ฉันร้องไห้ไปกับผู้ชายตรงหน้า.. ผู้ชายที่ก่อนหน้านี้ฉันคิดเสมอว่า เค้าไม่เคยรัก ไม่เคยห่วงฉันสักนิด แต่วันนี้เค้าร้องไห้ ร้องไห้เพื่อฉัน… หลายต่อหลายครั้งที่ฉันร้องไห้เพียงลำพัง กับคำพูด กับการกระทำที่เค้าแสดงออกให้เห็น … เค้าไม่เคยใส่ใจในความเป็นไป หรือความรู้สึกของฉันสักครั้ง และด้วยเหตุผลนี้หละมั้งที่ทำให้ฉันเองรู้สึกห่างไกลจากเค้า ทั้งที่เรายังอยู่บ้านเดียวกัน แต่ต่างคนก็ต่างอยู่ ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง .. เค้าทำงาน ฉันก็เรียน .. และพยายามอย่างที่สุดที่จะทำงานไปด้วยเพื่อช่วยเหลือตัวเอง และจะได้รบกวนผู้ชายคนนี้ให้น้อยที่สุด …. อีก 20 นาทีข้างหน้าฉันต้องเข้าห้องผ่าตัด เพื่อผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้แพทย์รับประกันไม่ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง ภายหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง .. ฉันอาจจะหาย หรือฉันอาจจะพิการ เป็นอัมพฤก อัมพาต ตาข้างซ้ายที่มองไม่เห็นเมื่อไม่กี่วันมานี้อาจจะปิดสนิทตลอดไป หรือฉันอาจต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิททรา ถ้าการผ่าตัดครั้งนี้ล้มเหลว…. ผู้ชายคนเดิม ยืนอยู่ตรงหน้า ถามฉันทั้งน้ำตาว่า “ทำไมลูก ทำไมไม่ยอมบอกพ่อก่อนหน้านี้ ทำไมไม่บอกพ่อสักคำ ” ถ้าเป็นเมื่อ 6 ปีก่อนฉันคงตอบด้วยความรู้สึกอยากจะเอาชนะว่า “ไม่คิดว่ามันจะสำคัญอะไรกับใคร” แต่วันนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันโตขึ้น ฉันได้คิด ฉันได้พิจารณาถึงเหตุ และผลของการกระทำของผู้ชายคนนี้…. เมื่อ 6 ปีก่อน ฉันแอบเห็นพ่อคุยกับรูปภาพของแม่ในห้องพระ ในคืนวันที่ฉันรับพระราชทานปริญญาบัตร พ่อบอกกับแม่ว่า … “วันนี้เป็นวันที่พ่อเป็นสุขที่สุด ลูกเรามีงานดีๆ ทำ เรียนจบและรับปริญญาอย่างที่พ่อหวัง พ่อหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งกับสิ่งที่ผ่านมา “ พ่อนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ก่อนที่จะสวดมนต์ไหว้พระอย่างเคย ฉันแอบเห็นรอยยิ้มจางๆ ของพ่อในเช้าอีกวันที่ฉันเอาใบปริญญาบัตรที่พ่วงด้วยเกียรตินิยมของฉัน ไปให้พ่อแทนของขวัญวันเกิดของพ่อ พ่อให้สร้อยและร๊อกเกตที่ทำจากทองคำขาวให้ฉันเส้นนึง .. ข้างในเป็นรูปของพ่อกับแม่ ฉันไม่เคยถอดมันออกจากคอฉันเลยนับจากวันที่พ่อสวมมันให้กับมือของพ่อเอง … วันนั้นเป็นวันที่ฉันได้พูดคุยกับพ่อได้นานที่สุด พ่อให้ข้อคิดดีๆ มากมายกับฉัน และที่สำคัญพ่อทำให้ฉันรู้สึกว่าพ่อเองก็รู้สึกว่าฉันเป็นลูกพ่อเหมือนกัน …. หลังจากวันนั้นฉันพยายามที่จะเรียนรู้ผู้ชายคนนี้มากขึ้น พยายามเข้าใจการกระทำ และเหตุผลถึงบางครั้งจะเป็นเหตุผลที่ฉันคิดขึ้นเพื่อปลอบใจตัวเอง ฉันพยายามอย่างที่สุดที่แบ่งเบาภาระที่ผู้ชายคนนี้แบกมาทั้งชีวิตให้มากที่ สุดเท่าที่ลูกอย่างฉันจะทำได้ ฉันยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมาฉันทำงานอย่างหนัก ฉันเหนื่อย เหนื่อยมาก เพื่อแลกกับความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายขึ้นของคนในบ้าน … แต่ฉันเองก็ภูมิใจเสมอกับสิ่งที่ตัวเองทำให้ผู้ชายคนนี้ ภาพของการต่อสู้ชีวิตของผู้ชายคนนี้มักจะทำให้ฉันมีกำลังใจเสมอๆ เวลาที่ตัวเองกำลังจะล้ม หรือ กำลังร้องไห้ ….. แต่แล้ววันนึงฉันก็พบว่า ก้อนเนื้องอกในสมองของฉัน มันเริ่มทำให้ฉันดำเนินชีวิตแบบปกติไม่ได้เสียแล้ว.. ฉันต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่สุดตามคำแนะนำของแพทย์…. ฉันตัดสินใจบอกพ่อในคืนวันก่อนผ่าตัดหลังจากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาเป็นปี พ่อตามมาที่โรงพยาบาล แล้วเข้าไปคุยกับหมออยู่ประมาณ 15 นาทีแล้วกลับเข้าดูฉันในห้องพัก .. พ่อเงียบ เงียบมาก เงียบเสียจนฉันเดาไม่ออกว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ พ่อเอาแต่นั่งนิ่งๆ อยู่ข้างๆ เตียงฉัน นั่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเช้า… พ่อมองดูนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วที่สุดก็ลุกมายืนข้างๆ เตียงฉัน มองหน้าฉัน พูดพร้อมๆ กับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย “ทำไมลูก ทำไมไม่ยอมบอกพ่อก่อนหน้านี้ ทำไมไม่บอกพ่อสักคำ ” ฉันขอโทษผู้ชายตรงหน้าทั้งน้ำตา … และอธิบายถึงสิ่งที่ฉันคิดให้เค้าฟัง … ฉันคิดไปสารพัดตั้งแต่ วันแรกที่ฉันทราบจากหมอว่าฉันเป็นโรคนี้ ระหว่างการที่ฉันพูดกับการที่ฉันเงียบ อย่างไหนที่จะทำให้พ่อเจ็บปวดน้อยที่สุด แล้วฉันก็เลือกที่จะเงียบ และเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงคนเดียว ฉันกลัวจะทำให้พ่อเป็นห่วง เป็นกังวล ไปกับเรื่องราวของตัวเอง และไม่อยากให้พ่อมาเป็นทุกข์ ไม่สบายใจ หรือลำบากเพื่อฉันอีกแล้ว หลังจากที่รู้ฉันก็พยายามแล้วที่จะหาทางรักษามัน แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างฉัน ฉันจึงต้องทำให้พ่อเป็นทุกข์อยู่อย่างนี้ … ฉันจำได้ในสิ่งที่พ่อบอกพ่อสอน พ่อสอนให้ฉันเข้มแข็ง สอนให้ฉันสู้ สอนให้ฉันไม่ยอมแพ้ และวันนี้ เวลานี้ฉันก็กำลังต่อสู้กับโรคบ้าๆ นี่ด้วยความหวังว่าฉันจะต้องหาย เพื่อกลับมาดูแลพ่อ เพื่อให้พ่อได้อยู่อย่างสบายกว่าทุกวันนี้ พ่อเหนื่อยมาพอแล้ว เหนื่อยมาทั้งชีวิตก็ว่าได้ ฉันอยากเห็นพ่อเป็นสุข และสบายกว่านี้ ฉันจึงทำทุกอย่าง อดทน และเข้มแข็ง และนี่ก็คงจะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่จะพิสูจน์ความตั้งใจจริงของฉัน….. พ่อกอดฉัน พร้อมพูดทั้งน้ำตาว่า .. ” พ่อขอโทษ ที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจกับรู้สึกหรือความเป็นไป ของลูกเลย พ่อคิดเสมอว่าลูกเป็นคนเก่ง ลูกเข้มแข็ง และลูกก็เอาตัวรอดได้ในสังคมทุกวันนี้ ขณะที่น้องของลูกไม่เหมือนลูก น้องยังเป็นเด็กไม่รู้จักโต พ่อถึงห่วงน้อง ดูแลน้อง จนบางครั้งก็ดูเหมือนพ่อเป็นห่วงลูกน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่พ่อก็รักลูกนะ พ่อรู้ว่าลูกทำทุกอย่างเพื่อน้องเพื่อพ่อ หลายต่อหลายครั้งที่พ่อทำให้ลูกร้องไห้ แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ว่าพ่อต้องการให้ลูกเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งของน้องเพราะพ่อไม่รู้ว่า พ่อเองจะอยู่กับลูกไปได้นานแค่ไหน แต่จำไว้นะลูก ว่า พ่อรักลูก ไม่ได้น้อยไปกว่าน้องเลย “ “ขอบคุณค่ะพ่อ หนูก็รักพ่อ รักที่สุด” เรากอดกันทั้งน้ำตา ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างที่สุด ฉันจำได้ว่าพ่อไม่เคยกอดฉันเลยนับจากวันที่แม่จากไปเมื่อ 18 ปีก่อน ไม่ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันรู้แต่ว่าวินาทีนี้ฉันต้องสู้ ต้องเข้มแข็ง ฉันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อผู้ชายที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้า “ผู้ชายที่ฉันรักที่สุด” +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณบทความจาก http://thaistory.exteen.com/ |
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ผู้ชายร้องไห้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น